พิสูจน์แล้วโดยผู้ใช้จริง Honda e:HEV 30 คัน ยืนยัน!น้ำมัน 1 ถัง พาไปได้ไกลเกินกว่า 900 กม. บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – พิษณุโลก – เชียงใหม่ ตอกย้ำอัตราการประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ พร้อมสมรรถนะการขับขี่ดีเยี่ยม

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำความประหยัดของระบบฟูลไฮบริด e:HEV ผ่านทริปสุดพิเศษ ‘Honda e:HEV Challenge ประหยัด… ไปถึงไหนนน!’ แท็กทีมลูกค้ารถยนต์ Honda e:HEV ทั้ง 6 รุ่น จำนวน 30 คัน รวมผู้ขับขี่พร้อมผู้โดยสารทั้ง 60 คน และคณะสื่อมวลชนสายยานยนต์ ร่วมพิสูจน์ความประหยัดน้ำมัน และสมรรถนะการขับขี่ของระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV กับน้ำมัน 1 ถัง บนเส้นทางการขับขี่จริงจากกรุงเทพฯ – พิษณุโลก – เชียงใหม่ รวมระยะทางกว่า 900 กิโลเมตร โดยผลลัพธ์จากกิจกรรมพบว่ารถยนต์ Honda e:HEV ทุกรุ่น สามารถขับขี่ได้ไกลเกินกว่า 900 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว* โดยไม่มีการแวะเติมน้ำมัน คอนเฟิร์มความประหยัดจากลูกค้าผู้ใช้งานจริง กับสถิติตัวเลขอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมเกินกว่าป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล หรือ ECO Sticker* อีกทั้งลูกค้ายังได้ร่วมแลกเปลี่ยนเคล็ดลับการขับขี่ที่ตอกย้ำความประหยัดอีกขั้น พร้อมเชิญชวนผู้ที่สนใจร่วมสัมผัสและพิสูจน์ความประหยัดของ Honda e:HEV ทุกรุ่นด้วยตัวคุณเอง และให้ทุกท่านสามารถเป็นเจ้าของได้ด้วยข้อเสนอพิเศษ ณ โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ

โดยลูกค้าผู้ใช้จริงรถยนต์ Honda e:HEV ที่เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 30 คัน จากทั้ง 6 รุ่น ได้แก่

ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี4 คัน
ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี 6 คัน
ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี 6 คัน
ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี2 คัน
ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี6 คัน
ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี6 คัน

    ตลอดเส้นทางการขับขี่สุดท้าทายเพื่อพิสูจน์ความประหยัดของน้ำมัน 1 ถัง ลูกค้าต่างขับขี่กันอย่างมุ่งมั่น ผสานการใช้เทคนิคสไตล์ตนเองในการขับขี่รถยนต์ Honda e:HEV คู่ใจ สู่ประสบการณ์ที่สนุกสนานตลอดทริป โดยได้พิสูจน์บนเส้นทางการใช้งานจริงหลากหลายรูปแบบ ทั้งในเมือง และทางขึ้น-ลงเขา รวมถึงทางโค้ง และได้พิสูจน์ถึงการทำงานของระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานให้เหมาะสมกับทุกสถานการณ์การขับขี่ได้อย่างชาญฉลาด โดยระบบจะเลือกโหมดการขับขี่ที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับระดับของแบตเตอรี่ สภาพถนน และพฤติกรรมในการขับขี่ ประกอบด้วยการทำงานของโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่

    • โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) ระบบจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขณะ
      ออกตัว เหมาะกับการขับขี่ในเมือง
    • โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) มอบอัตราเร่งทรงพลังและนุ่มนวล โดยระบบจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ในขณะที่เครื่องยนต์จะทำหน้าที่ปั่นไฟส่งเข้าสู่มอเตอร์ เพื่อขับเคลื่อนล้อ หรือเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่
    • โหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) โดยจุดเด่นอยู่ที่ชุดล็อกอัพคลัตช์ที่อยู่ในเกียร์
      E-CVT จะเชื่อมต่อเครื่องยนต์และส่งกำลังไปยังล้อโดยตรง เหมาะกับการขับขี่โดยใช้ความเร็วสูงคงที่

    รถยนต์ e:HEV ทุกรุ่นของฮอนด้า ยังมาพร้อมกับระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) เป็นระบบที่ช่วยชะลอความเร็วรถ และสามารถชาร์จไฟกลับไปที่แบตเตอรี่ไฮบริด ช่วยให้รักษาระยะห่างจากรถคันหน้า ชะลอความเร็วเมื่อเข้าโค้ง หรือขับรถลงทางลาดชันได้โดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย ลดการเหยียบเบรกโดยไม่จำเป็นและยังได้พลังงานไฟฟ้าชาร์จกลับไปที่แบตเตอรี่ ช่วยให้ประหยัดน้ำมัน ให้ทั้งความสนุกสนานในการขับขี่ควบคู่ไปกับความประหยัดน้ำมันและความปลอดภัย และทุกรุ่นยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง** (Honda SENSING) มอบความมั่นใจยิ่งขึ้นในทุกการเดินทาง

    สำหรับกิจกรรม ‘Honda e:HEV Challenge ประหยัด… ไปถึงไหนนน!’ ได้พิสูจน์ผลลัพธ์แล้วว่า รถยนต์ Honda e:HEV ทุกรุ่น ทั้ง 30 คัน สามารถขับขี่ได้ไกลเกินกว่า 900 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง โดยที่น้ำมันยังเหลือ จากการทดสอบบนเส้นทางจากกรุงเทพฯ – พิษณุโลก – เชียงใหม่ ซึ่งผู้ชนะทั้ง 6 รุ่น สามารถขับขี่ด้วยน้ำมัน 1 ถัง โดยมีรายละเอียดระยะทางรวม ดังนี้

    1. ลูกค้าผู้ชนะ รุ่น ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี น้ำมัน 1 ถัง ขับได้ระยะทางรวมกว่า 934.7 กิโลเมตร
    2. ลูกค้าผู้ชนะ รุ่น ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี น้ำมัน 1 ถัง ขับได้ระยะทางรวมกว่า 929.5 กิโลเมตร
    3. ลูกค้าผู้ชนะ รุ่น ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี น้ำมัน 1 ถัง ขับได้ระยะทางรวมกว่า 933.9 กิโลเมตร
    4. ลูกค้าผู้ชนะ รุ่น ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี น้ำมัน 1 ถัง ขับได้ระยะทางรวมกว่า 926.4 กิโลเมตร
    5. ลูกค้าผู้ชนะ รุ่น ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี น้ำมัน 1 ถัง ขับได้ระยะทางรวมกว่า 945.4 กิโลเมตร
    6. ลูกค้าผู้ชนะ รุ่น ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี น้ำมัน 1 ถัง ขับได้ระยะทางรวมกว่า 930.8 กิโลเมตร

    นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ Honda e:HEV ที่เข้าร่วมกิจกรรมฯ ยังร่วมแบ่งปันเคล็ดลับการขับประหยัดน้ำมันมาฝาก เพื่อให้สามารถขับขี่ได้อย่างประหยัดยิ่งขึ้นในชีวิตประจำวัน และเชิญชวนลูกค้าที่สนใจให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว Honda e:HEV ไปด้วยกัน

    คุณชัยชนะ พูลพิพัฒน์ ลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี กล่าวว่า“เคล็ดลับของผม คือ เน้นการขับขี่ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก โดยใช้ความเร็วที่ประมาณ 60 ถึง 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ได้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดี ในทางเรียบอาจจะไม่ได้มีความแตกต่างกันมาก แต่ในช่วงเวลาที่ขึ้นหรือลงเนินเขา จะต้องจับจังหวะการหน่วงให้ดี  โดยช่วงขึ้นเขาอาจจะใช้โหมด ECON รวมถึงให้รถขยับช้า ๆ เพื่อให้เป็นไฟฟ้า และในจังหวะที่ลงเขาก็จะให้รถชาร์จไฟกลับ น่าจะเป็นระยะทางประมาณ 10 กว่ากิโลฯ ที่ผมแทบจะไม่ได้ใช้น้ำมันเลย ทำให้ได้ตัวเลขอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีมาก

    ด้านลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี คุณครรชิต จุดประสงค์ กล่าวว่า “ในระหว่างการแข่งขัน
    ผมได้ใช้ความสามารถทั้งของรถ และความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อจะทําให้อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีขึ้น จากตอนแรกอยู่ที่ 26 กิโลเมตรต่อลิตร ก็ค่อยๆ ไต่ขึ้นไปที่ 26.4 และจบที่ 27 กิโลเมตรต่อลิตร สูงสุดเท่าที่เคยทําได้เลยครับ ประทับใจมากๆ ตอนซื้อรถมา คิดไว้แล้วว่าถ้าซื้อรถใหญ่ อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันก็จะต้องมากขึ้นแน่นอน แต่พอมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ ก็พิสูจน์ได้จริงๆ ว่าแม้รถจะใหญ่ แต่ก็ยังประหยัดน้ำมันมากๆ ปกติแล้วผมจะขับในกรุงเทพฯ หลังจากนี้ก็จะนำวิธีการที่ใช้ในการแข่ง ไปใช้ตอนขับในชีวิตประจําวันด้วยครับ”

    คุณเอกพจน์ บุญหนู แชร์ถึงเทคนิคและความประทับใจต่อ ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี ของตนเองว่า “เทคนิคของผม คือ ในช่วงการขับขี่ขึ้นเขา ผมจะเร่งความเร็วส่งขึ้นไป พอถึงช่วงประมาณ 3/4 ของเนิน ผมจะยกคันเร่งออก ให้ความเร็วค่อยๆ ลด แล้วค่อยๆ เติมคันเร่งไปทีละนิดเพื่อให้ไปถึงยอดเขา พอถึงยอดเขาก็จะปล่อยให้รถไหลลง และค่อยเติมคันเร่งให้มีแรงส่งออกไปครับ โดยรวมความประทับใจต่อรถคันนี้ คือ ให้ทั้งความประหยัด สะดวกสบาย และการขับขี่ที่มั่นคง ผมตัดสินใจไม่ผิดเลยที่มาเป็นครอบครัว Honda e:HEV ขอขอบคุณฮอนด้ามากครับที่จัดกิจกรรมดีๆ แบบนี้ ให้ลูกค้าได้ร่วมสนุกกันครับ”

    กิจกรรม ‘Honda e:HEV Challenge ประหยัด… ไปถึงไหนนน!’ ได้พิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่า รถยนต์ Honda e:HEV ทุกรุ่น สามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าทั้งในด้านสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม และด้านอัตราประหยัดน้ำมันที่เป็นเลิศ พร้อมทั้งสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างไร้กังวล โดยน้ำมันเพียงถังเดียวก็สามารถพาคุณไปได้ไกลกว่าที่คิดในทุก ๆ เส้นทาง เหมาะกับการขับขี่ทั้งในเมืองและเดินทางไกล ลดความกังวลเมื่อต้องเดินทางไกลแบบไม่ต้องเผื่อเวลาชาร์จ

    ลูกค้าท่านใดที่สนใจเป็นเจ้าของรถยนต์ Honda e:HEV หรือรถยนต์รุ่นอื่นๆ ของฮอนด้า สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษได้จากที่ปรึกษาการขายโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ หรือแชตกับที่ปรึกษาการขายทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.honda.co.th หรือติดต่อศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้า 24 ชั่วโมง โทร 0 2341 7777 โดยสามารถลงทะเบียนทดลองขับล่วงหน้าก่อนตัดสินใจเป็นเจ้าของได้ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ ผ่านทาง  www.honda.co.th/testdrive

    หมายเหตุ:
    *อัตราการประหยัดน้ำมันที่ได้จากการทดสอบโดยลูกค้าผู้ใช้จริง ผ่านเส้นทางกรุงเทพฯ – พิษณุโลก – เชียงใหม่ เป็นระยะทางรวมไม่ต่ำกว่า 900 กิโลเมตร อ้างอิงจากการขับขี่และวัดผลในกิจกรรมระหว่างวันที่ 6 – 8 กันยายน 2567 (ขึ้นอยู่กับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล)

    **ฟังก์ชันการทำงานของเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) แต่ละระบบ แตกต่างกันในแต่ละรุ่น

    ข้อมูลอัตราประหยัดน้ำมันและระยะทางการวิ่ง

    รุ่นรถยนต์ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)อัตราประหยัดน้ำมันสูงสุดระยะทางการวิ่ง
    (ทดสอบตามมาตรฐาน UN R101  ในห้องปฏิบัติการ)(ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ะบุคคล)
    ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี4027.8 กม./ ลิตรวิ่งได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร
    ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี40
    ฮอนด้า เอชอาร์-วี อี:เอชอีวี4025.6 กม./ ลิตรวิ่งได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร
    ฮอนด้า ซีวิค อี:เอชอีวี4025.0 กม./ ลิตรวิ่งได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร
    ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี48.525.0 กม./ ลิตรวิ่งได้ไกลกว่า 900 กิโลเมตร
    ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี5720.8 กม./ ลิตร (รุ่น e:HEV ES) 19.2 กม./ ลิตร (รุ่น e:HEV RS 4WD)วิ่งได้ไกลกว่า 900 กิโลเมตร

    หมายเหตุ:
    ตัวเลขระยะทางที่แสดงข้างต้น อ้างอิงและไม่เกินจากการคำนวณตาม Eco Sticker (ขึ้นอยู่กับสภาพถนน และพฤติกรรมการขับขี่ของแต่ละบุคคล)


    [bsa_pro_ad_space id=19]

    [bsa_pro_ad_space id=15]
    [bsa_pro_ad_space id=16]