MAXXMA เตรียมลุยตลาดปี 55
MAXXMA
เร่งขยายตลาดฟิล์มรถยนต์และอาคาร
วงศ์บราเดอร์ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสง“ MAXXMA” ประกาศบุกตลาดปี 55 เดินหน้าเปิดตลาดโชว์รูมรถยนต์ มั่นใจตลาดรถยนต์กลับมาเติบโตในปีนี้ หลังซบเซาจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ พร้อมลุยตลาดอสังหาริมทรัพย์ เจาะกลุ่มที่อยู่อาศัยประเภทแนวสูงอาคารชุด เชื่อครึ่งปีหลังตลาดบูม ตั้งเป้าโกยยอดขาย 50ล้านบาท
นายชัยรัตน์ ชูประภาวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วงศบราเดอร์ อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงภายใต้แบรนด์ “ MAXXMA” (แม็กซ์ม่า) เปิดเผยว่า ปัญหาอุทกภัยภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และวงการอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก ทำให้ยอดขายรถยนต์และยอดขายโดยรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง ซึ่งสภาวะดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบริษัททำให้ยอดขายฟิล์มกรองแสงลดลงแต่ไม่มากนัก
ในปี 2555 นี้ บริษัทจึงได้ปรับแผนการทำตลาดใหม่ โดยจะแนะนำสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของภาคธุรกิจรถยนต์ บริษัทได้คิดค้นผลิตภัณฑ์ฟิล์มใสป้องกันรอยมือจับประตู(Maxxma Clear Guard) เป็นผลิตภัณฑ์แผ่นฟิล์มใสสำเร็จรูป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลและปกป้องรถยนต์ ซึ่งจะช่วยป้องกันรอยขีดข่วนตำแหน่งมือจับที่เปิดประตูที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากรอยเล็บมือ แหวน กุญแจรถหรือการขูดขีดของมีคมของที่ผู้ใช้รถ จะเน้นการปกป้องและดูแลรักษาบริเวณที่เปิดประตูหรือมือจับ
ฟิล์มใสป้องกันรอยมือจับประตู(Maxxma Clear Guard) เป็นวัสดุสังเคราะห์ชนิดพิเศษใสที่มีคุณภาพสูง ทำจากโพลียูรีเทน หนา 200 ไมครอน จึงให้มีความทนทานและมีความยืดหยุ่นสูงต่อการรับแรงกระแทกจากเศษวัสดุต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการใช้งาน และยังมีคุณสมบัติพิเศษด้วยเนื้อยูริเทนใสทำให้ง่ายต่อการยึดติดกับสารอคริลิคที่มีความละเอียดอ่อน ช่วยให้การยึดติดของเนื้อฟิล์มเนียนเรียบไปกับมือจับประตูได้อย่างสวยงามโดยไม่เปลี่ยนภาพลักษณ์ของรถ
อีกทั้งยังไม่ทำให้เกิดคลื่นหรือฟองอากาศในขณะติดตั้ง ซึ่งการติดตั้งก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย บริษัทจึงคิดค้นเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปสำหรับรถยี่ห้อต่างๆ ทำให้เจ้าของรถสามารถเลือกซื้อและนำไปติดตั้งได้ด้วยตัวเอง
ที่สำคัญการลอกฟิล์มออกจะไม่ทิ้งคราบกาวไว้ ดังนั้น ฟิล์มใสป้องกันรอยมือจับประตู (Maxxma Clear Guard) จึงมีคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมในการป้องกันรอยต่าง ๆ ที่จะกระทบกับมือจับประตู และไม่ทำให้สภาพรถเปลี่ยนไปจากเดิม ปัจจุบันสามารถผลิตสินค้าได้เกือบ 100 รุ่นแล้ว ซึ่งจากการทดลองทำตลาดในช่วงที่ผ่านมาได้รับการตอบรับในทิศทางที่ดี
ส่วนกลุ่มเป้าหมายบริษัทจะเน้นไปที่กลุ่มคนรักรถและดูแลรักษารถยนต์ทั้งรถเก่าและรถใหม่ป้ายแดง ซึ่งเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหญ่ คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายให้กับบริษัทได้ไม่ยากนัก โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 10,000 คันต่อเดือน
สำหรับแผนด้านการตลาดจะทำการตลาดเชิงรุก โดยเน้นเข้าไปแนะนำสินค้าที่โชว์รูมค่ายรถต่างๆ พร้อมบุกคาร์แคร์ ตัวแทนจำหน่ายที่มีมากกว่า 200 แห่ง ทั่วประเทศ รวมถึงจะเร่งขยายตลาดด้วยการสื่อสารตรงและสร้างการรับรู้ในกลุ่มเป้าหมายอย่างเข้มข้น โดยในปี55นี้จะเน้นการจัดอีเว้นท์และโรดโชว์ การออกบูธแนะนำสินค้า ตามห้างสรรพสินค้า คาร์แคร์ งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ด้วย
ขณะเดียวกัน จะทำตลาดร่วมกับตัวแทนจำหน่าย โดยให้ตัวแทนจำหน่ายแนะนำฟิล์มใสป้องกันรอยมือจับประตู(Maxxma Clear Guard) ควบคู่ไปกับฟิล์มกรองแสง “ MAXXMA” เพราะบริษัทมีฐานลูกค้าเก่าที่ติดฟิล์มกรองแสง MAXXMAมากกว่า 10,000 ราย ที่จะสามารถส่งข้อมูลข่าวสารให้กับกลุ่มลูกค้าเก่า และขยายฐานลูกค้าใหม่ได้ รวมทั้งจะมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ตลอดจนดูแลบริการก่อนและหลังการขายให้คำแนะนำต่างๆที่ดี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดูแลใส่ใจลูกค้าประดุจญาติพี่น้อง”
นายชัยรัตน์ ยังกล่าวอีกว่า “ภาพรวมของธุรกิจฟิล์มกรองแสงในปี 2555 แนวโน้มการแข่งขันคงจะทวีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากธุรกิจในภาพรวมมีการเติบโตตามทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์ คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์โดยรวมปี 2555 น่าจะทะลุถึง 1.1 ล้านคัน เนื่องจากปัจจัยบวกจากมาตรการของภาครัฐ ซึ่งได้แก่ นโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรก ซึ่งได้ขยายสิทธิ์ครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม และการผ่อนผันให้สามารถนำเข้ารถยนต์ใหม่ทั้งคัน โดยใช้ฐานภาษีเช่นเดียวกับการผลิตในประเทศ ประกอบกับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆในตลาดยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้อุตสาหกรรมรถยนต์ของไทยเริ่มกลับมาคึกคักได้อีกครั้ง”
ส่วนตลาดฟิล์มกรองแสงสำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงนี้อยู่ในภาวะชะลอตัว เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วมในปีก่อน แต่คาดว่าจะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่สอง ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยโครงการแนวสูง ประเภทคอนโดมิเนียม จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เพราะผู้บริโภคยังมีความกังวลว่าอาจจะเกิดปัญหาน้ำท่วมอีก จึงต้องการอยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมแทน ทำให้ผู้ประกอบการไปลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งในส่วนนี้จะทำให้ตลาดฟิล์มกรองแสงเติบโตขึ้นด้วย ดังนั้น บริษัทจึงมีแผนบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น โดยจะมุ่งเน้นไปที่อยู่อาศัยแนวสูง ประเภทคอนโดมิเนียม
นายชัยรัตน์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวฟิล์มกรองแสง Maxxma Max รุ่นNano ceramic film มี 4 รุ่น ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ตารางฟุตละ 180 บาท เป็นฟิล์มกรองแสงสำหรับอาคารบ้านเรือนที่ผลิตจากโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูง เคลือบด้วยผงเซรามิคโมเลกุลเล็ก ผสมสารป้องกันรังสียูวี และอินฟาเรด ปิดทับด้วยสารกันรอยที่มีความแข็งแรงสูง ช่วยให้เนื้อฟิล์มใสไม่ขุ่นมัว เนื้อฟิล์มมีความเคลียร์สูงแสงสะท้อนต่ำ ให้ภาพคมชัด สบายตาทั้งเวลากลางวันและกลางคืน สีฟิล์มคงทนไม่ซีดจาง ไม่เป็นรอยขูดขีดและรักษาง่าย ป้องกันรังสีอันตรายและลดความร้อนได้สูง และยังป้องกันรังสี ยูวี ได้มากกว่า 99% ทั้งยังช่วยลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศภายในอาคารด้วย
สำหรับแผนด้านการตลาดทางด้านอสังหาริมทรัพย์นั้น จะเน้นการทำตลาดเชิงรุก ด้วยการสื่อสารตรงและสร้างการับรู้ให้กับกลุ่มเป้าหมาย จัดการส่งเสริมการขายในรูปแบบต่าง จะเน้นการออกบูธแนะนำสินค้า ซึ่งจะเจาะกลุ่มไปที่งานเกี่ยวกับวงการบ้าน สถาปนิก งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งด้วย
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯตระหนักดีว่า ฟิล์มกรองแสงเป็นตลาดที่ค่อนข้างใหม่สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ แต่คาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้ โครงการอาคารสูง ทั้งคอนโดมิเนียมพักอาศัยและอาคารสำนักงาน จะหันมาใช้ฟิล์มกรองแสงมากขึ้น เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันความร้อนแล้ว ยังมีความสวยงาม อีกทั้งยังดูแลรักษาง่าย ที่สำคัญยังไม่ต้องกังวลกับปัญหาฝุ่นละออง ซึ่งเป็นสาเหตุที่จะทำให้เกิดการสะสมของแหล่งเชื้อโรค
สำหรับผลประกอบการในปี 2554 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์อุทกภัย บริษัทจึงปรับเป้าหมายยอดขายลดลงไว้ที่ 40 ล้านบาท และปิดยอดขายที่ 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมาย เท่ากับเมื่อปี 2553 ที่ผ่านมา โดยในปีนี้บริษัทมั่นใจวาจะมียอดขายเติบโตขึ้นอย่างแน่นอน จึงตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 50 ล้านบาท
ตารางราคารถยนต์ล่าสุด
AUDI | Aston Martin | BMW | Chevrolet | CITROEN | DFSK | Ferrari | Honda (ฮอนด้า) |
