เปิดตัว New MG Extender … กระบะรุ่นแรกของค่าย เซอร์ไพรส์ด้วยราคา 5.49 แสน – 1.029 ล้าน

โพสต์เมื่อ 7 สิงหาคม 2019 เวลา 21:43 น. หมวดหมู่: รถใหม่ในประเทศ โดย Poyee Poyee

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์–ซีพี จำกัด และบริษัทเอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิต และผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ส่งตรงยนตรกรรมใหม่ “New MG Extender” ในคอนเซ็ปต์ “กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง” ร่วมเปิดศึกเดือดตลาดเมืองไทย

New MG Extender กับฐานะ “รถกระบะรุ่นแรก” ประจำค่าย

MG Extender มากับการออกแบบภายใต้แนวคิด BRIT Dynamic โดยนำเสนอความโดดเด่น ทั้งจากมิติตัวถังขนาดใหญ่ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบกระบะตอนครึ่ง (Giant Cab) ที่มีความยาวกระบะท้ายถึง 1,900 มม. หรือ ยาวที่สุดในรถระดับเดียวกัน เพื่อเพิ่มปริมาณการบรรทุกมากขึ้น และตัวถังแบบ 4 ประตู (Double Cab)

ปูพรมด้วยงานดีไซน์ที่สะดุดตา เช่น ชุดกระจังหน้าแบบโมเดิร์นดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของเอ็มจี ประกบด้วยชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์ (Projector) พร้อมชุดไฟ Daytime Running Lights บันไดข้าง ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยในการใช้งาน เช่น กล้องมองหลัง พร้อมเซนเซอร์ขณะถอย ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานตั้งแต่ในรุ่น Giant Cab แบบยกสูง

ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย เปี่ยมด้วยสุนทรรียภาพในการขับขี่ จากการเก็บเสียงดีเยี่ยมด้วยการออกแบบฉนวนกันเสียง 9 จุด ส่วนงานดีไซน์เน้นความแข็งแกร่งด้วยโทนสีเข้ม ผสานความเรียบหรูจากวัสดุ Soft Touch และความสปอร์ตจากกงานดีไซน์ชุดมาตรวัด

ขณะที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกนั้นจัดมาให้อย่างครบครัน เช่น พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่น, หน้าจอสีระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว, กุญแจแบบ Smart Key พร้อมปุ่ม Push Start ตลอดจนระบบปรับอากาศอัตโนมัติ โดยในรุ่น Double Cab จะเสริมด้วยเบาะนั่งปรับไฟฟ้าในคู่หน้า พร้อมเบาะหลังพับได้ ไปจนถึงช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง

ครั้งแรกของโลกกับฐานะ “สมาร์ทปิคอัพ” ด้วยระบบ i- SMART

นอกจากการเป็น “รถกระบะรุ่นแรก” ของ MG แล้ว ยังมาพร้อมกับความก้าวล้ำนำหน้าด้วยฐานะของ “สมาร์ทปิคอัพ” ที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ i– SMART เอกสิทธิ์เฉพาะสำหรับผู้ใช้รถยนต์ MG มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับรถ และใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เช่น

ฟังค์ชั่น SMART Command สั่งการด้วยเสียงภาษาไทยให้โทรออก เปิด-ปิด หรือควบคุมระบบปรับอากาศ, หน้าต่างฝั่งคนขับ ตลอดจนวิทยุภายในรถ รวมทั้งค้นหาจุดน่าสนใจ ซึ่งสามารถควบคุม หรือสั่งการระบบต่างๆ ได้ทั้งจากหน้าจอทัชสกรีนภายในรถ หรือบนสมาร์ทโฟนผ่าน MG Mobile Application

ตามด้วยฟังค์ชั่น SMART Connect ให้สามารถเลือกฟังเพลงผ่าน Online Music ค้นหาร้านอาหาร และที่พัก รวมทั้งเรียกดูข้อมูลข่าวสาร และเหตุการณ์ปัจจุบันจากเว็บไซต์ได้บนหน้าจอในรถ

ทั้งยังมีฟังค์ชั่นการตรวจเช็ครถ หรือ SMART Check ที่สามารถสั่งล็อค หรือปลดล็อคประตู ไปจนถึงตรวจสอบตำแหน่ง, ค้นหารถ, แจ้งความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทํางานของรถ รวมถึงระบบช่วยค้นหาศูนย์บริการ นัดหมาย และบันทึกการดูแลรักษารถยนต์ตามระยะได้อีกด้วย

ขุมพลังเร้าใจ พร้อมระบบความปลอดภัยครบครัน

MG Extender ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล ไดเร็คอินเจ็คชั่น 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบแปรผัน สร้างพละกำลังสูงสุด 161 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตรที่ 1,500 – 2,400 รอบต่อนาที โดยมีระบบส่งให้เลือกทั้งแบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด พร้อมฟังค์ชั่นปรับรูปแบบการขับขี่ที่เลือกได้ทั้ง Eco และ Power โดยในรุ่นตัวถังแบบ Double Cab จะมากับระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือกทั้ง 2 ล้อ (2WD) และ 4 ล้อ (4WD) ซึ่งมาพร้อมโหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L

ด้านระบบความปลอดภัยนั้นครบครัน มั่นใจทุกการเดินทาง ตั้งแต่โครงสร้างตัวถังแบบ FSF (Full Space Frame) แบบ Ultra-High Strength Body ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง Thermoforming Steel ในบริเวณเสา A ไปจนถึงเสา B โดยใช้วัสดุเหล็ก High Strength Steel ที่มีความแข็งแกร่งสูง

ตามด้วยชุดระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรป Advanced Synchronized Protection System ซึ่งประกอบด้วยดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS (Anti-lock Braking System), ระบบเสริมแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ EBA (Electronic Brake Assist), ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD (Electronic Brake Force Distribution), ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)

ตลอดจนระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descend Control System), ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection), ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning System)

รวมถึง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยรวม 6 ตำแหน่ง พร้อมเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ พร้อมผ่อนแรงอัตโนมัติ ไปจนถึงกล้องมองภาพรอบทิศทาง, สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้า และด้านหลัง, กล้องมองหลัง, ระบบกุญแจนิรภัยแบบ Immobilizer และระบบตรวจสอบความผิดปดติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)