ไทยรุ่งฯ แจ้งผลการดำเนินงานประจำปี 2555
บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) สรุปผลการดำเนินงาน ปี 2555 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,780.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67% และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 555.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 199% จากปีที่แล้ว พร้อมเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติเงินปันผล 0.60 บาทต่อหุ้น ซึ่งมีปัจจัยหลักมาจากการยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจผลิตชิ้นส่วน รับจ้างประกอบ และพ่นสี จากลูกค้าทั้งกลุ่มยานยนต์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม และเครื่องจักรกลทางการเกษตร ที่มีการเจริญเติบโตเพิ่มสูงขึ้นกว่าปีที่แล้วอย่างมาก
ผลการดำเนินงานประจำปี 2555 แยกตามรายธุรกิจดังนี้
– รายได้จากธุรกิจแม่พิมพ์ และชิ้นส่วน มีรายได้ 1,280 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากปริมาณงานชิ้นส่วนของลูกค้าค่ายรถยนต์ต่าง ๆ เช่น Nissan, GM, Isuzu ฯลฯ ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางอุตสาหกรรมชิ้นส่วนและยานยนต์ไทย และโครงการคืนภาษีรถคันแรก
– รายได้จากธุรกิจ ผลิตกะบะรถ รับจ้างประกอบ พ่นสีและ ผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรอุตสาหกรรม มีรายได้ 2,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากปริมาณงานรับจ้างประกอบ ตัวถังและพ่นสีรถปิกอัพ Nissan และงาน พ่นสีรถบรรทุกขนาดกลาง Isuzu เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ปริมาณงานของลูกค้ากลุ่มเครื่องจักรอุตสาหกรรม และเครื่องจักรกลทางการเกษตร เช่น Komatsu, Kobelco , Yanmar และอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตเพื่อการส่งออก ก็มีแนวโน้มเติบโตขึ้นมากเช่นเดียวกัน
ในปี 2555 อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยการเจริญเติบโตอย่างโดดเด่นมากที่สุด และมียอดผลิตรถยนต์สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 2.4 ล้านคัน โดยเพิ่มขึ้น 68 %จากปี 2554 โดยมียอดขายในประเทศก็พุ่งสูงสุดที่ 1.43 ล้านคัน เติบโตสูงถึง 80% จากภาวะเศรษฐกิจของไทยที่เติบโตอย่างมาก และ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ที่ยังมีอย่างต่อเนื่อง อีกด้านการที่ผู้ผลิตรถยนต์หลายค่ายได้เร่งลงทุนขยายกำลังการผลิตของตนเพื่อรองรับความต้องการรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในปี 2556 คาดว่าจะมีการผลิตรถยนต์สูงกว่า 2.5 ล้านคัน ส่วนทิศทางการส่งออกยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดเอเชียและตะวันออกกลาง เนื่องจากนโยบายภาครัฐที่ต้องการผลักดันประเทศไทย ให้เป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลกและเมื่อมีการเปิดเสรีตามกรอบประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ทำให้เกิดการขยายตัวของอุตสาหกรรมอย่างมาก ประกอบกับการย้ายฐานผลิตรถและชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นและยุโรป มายังประเทศไทยมากขึ้น
สำหรับปี 2556นี้ บริษัทมีเป้าหมาย ยอดรายได้ เพิ่มขึ้น 15 -20%
โดยกลยุทธ์การบริหารของบริษัทในปี 2556 ยังคงเน้นรายได้จากงานชิ้นส่วน OEM งานรับจ้างประกอบ พ่นสีเพิ่มขึ้น งานต่อตัวถังรถ และขยายงานด้านชิ้นส่วนเครื่องจักรอุตสาหกรรมการเกษตร รวมถึงการหาพันธมิตรทางการค้าเพื่อขยายธุรกิจเดิมและแสวงหาธุรกิจใหม่ นอกจากนี้ ทางบริษัทได้เตรียมพร้อมในการเพิ่มศักยภาพของบริษัท ทั้งด้านการขยายกำลังการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพโดยการลงทุนเครื่องจักรและนำ นวัตกรรม เทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการผลิต รวมถึงการพัฒนาบุคลากร เพื่อรองรับกระแสการค้าและการลงทุนข้ามชาติ เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้กับทางบริษัท บริษัทฯ ยังได้พิจารณาขายหุ้นซื้อคืน กลับเข้าไปตลาดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องของจำนวนหุ้นที่จะมีการซื้อขายให้ดียิ่งขึ้น โดยจำนวนหุ้นที่บริษัทจะขายออกมาทั้งสิ้น 9,216,700 หุ้น คิดเป็น 1.84% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยจะทยอยขายออกมาเพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับตลาดหลักทรัพย์ บริษัทฯ มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจากชื่อเสียงและศักยภาพในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ครบวงจรของบริษัท จะทำให้บริษัทฯ มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอย่างต่อเนื่องใน 2-3 ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน
{phocagallery view=switchimage|basicimageid=7585|switchheight=480|switchwidth=640|switchfixedsize=0}
{phocagallery view=switchimage|basicimageid=7586|switchheight=480|switchwidth=640|switchfixedsize=0}