[bsa_pro_ad_space id=14]

Majorette … ย่อโลกกว้าง สู่ร่าง 1:64 Diecast Car (Part 1)

คงปฎิเสธไม่ได้ว่า “เวลา” ที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปทุกวี่วัน พร้อมกับการเกิดสถานการณ์ต่างๆ มากมาย ทำให้การดำเนินชีวิตในแต่ละวันเป็นอะไรที่ “ไม่ง่าย” จนทำให้ “งานอดิเรก” เข้ามามีบทบาทสำคัญกับมนุษย์เรามากขึ้น ในฐานะการเป็น “ของสะสม” ตามไลฟ์สไตล์ความ “ชื่นชอบ” ไม่ว่าจะเพื่อเติมเต็ม “ความฝัน” หรือ เพื่อเป็นโลกอีกใบให้ “หลีกหนี” ความจริงอันวุ่นวาย สู่จินตนาการไร้ขอบเขต

Diecast Car Majorette

และ Diecast Car อีกประเภทของรถโมเดล (Model Car) ที่มีจุดกำเนิดจากการเป็น “ของเล่น” ก็คือหนึ่งใน “ของสะสม” ยอดฮิตของผู้หลงใหลในโลกของยนตรกรรม ไม่ว่าจะทั้งเพื่อการเติมเต็ม “ความฝัน” หรือ เพื่อการเป็น “โลกอีกใบ” ซึ่ง ณ ปัจจุบัน ก็มีให้เลือกสะสมกันมากมายให้บรรดานักสะสมได้พิจารณา ด้วยองค์ประกอบความหลากหลายทั้งในเรื่องของ ราคา, แบรนด์ผู้ผลิต, ขนาดหรือสเกล (Scale) ไปจนถึง “ข้อจำกัด”

สำหรับในบ้านเรานั้น Diecast Car ที่นักสะสมส่วนใหญ่ให้ความนิยมคงหนีไม่พ้นขนาดหรือสเกล (Scale) 1:64 ด้วยข้อดีหลักๆ คือ “เข้าถึงง่าย” ไม่ว่าจะเป็นแหล่งจำหน่าย, ราคา และรุ่นรถที่มีหลากหลาย ไปจนถึงพื้นที่ที่ใช้ในการเก็บ หรือตั้งโชว์ ที่ไม่ “เปลือง” เท่าสเกลใหญ่ และที่สำคัญก็คือ วิวัฒนาการในผลิตที่ “สวยงาม” จนต้องบอกเลยว่า “คุ้มค่ากับราคาหลักร้อย” จนคุณคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

Diecast Car Majorette

โดยนอกเหนือจากงานของค่ายที่หลายคนคุ้นเคยกับตัวย่อ “HW” แล้ว อีกหนึ่งในแบรนด์ที่เราอยากแนะนำให้รู้จักก็คือ Majorette แบรนด์ Diecast Cars สัญชาติฝรั่งเศส ที่มีประวัติยาวนาน และน่าสนใจ มาตั้งแต่ยุค 60 (1961) โดยการก่อตั้งของชายชื่อ Emile Véron ภายใต้ชื่อบริษัท Rail-Route ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมากจากการเป็นผู้ผลิตโมเดลจำลองทางรถไฟ ก่อนที่ไอเดียเล็กๆ จะตกผลึกจนกลายเป็นต้นกำเนิดของเรื่องราวยิ่งใหญ่ ด้วยการผลิตรถโมเดลออกมาในปี 1964 อย่างเต็มตัวในชื่อแบรนด์ Majorette

Diecast Car Majorette

ที่ต่อมาขยายความไปสู่การเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทเป็น Majorette ในปี 1967 พร้อมด้วยฐานะของการเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถโมเดลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส ก่อนจะทำการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศโปรตุเกส รวมไปถึงการมีผลงานโฆษณาทางโทรทัศน์เป็นครั้งแรกในปี 1976 ไปจนถึงการซื้อกิจการของแบรนด์ Solido พร้อมกับนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ธุรกิจการโฆษณาเต็มรูปแบบในปี 1980

Diecast Car Majorette

จากนั้นในปี 1987 แบรนด์ Majorette ก็เดินทางข้ามมาให้ชาวไทยได้รู้จัก พร้อมด้วยการทำเซอร์ไพรส์ในปี 1990 ด้วยการนำเสนอความล้ำสมัยของโปรดักส์ที่พัฒนาให้มีลูกเล่นมากขึ้นจากการเพิ่ม “เสียง และไฟ” มาให้เป็นครั้งแรก … ก่อนที่จะมาถึงจุดตกต่ำในระดับที่เรียกว่า “ล้มละลาย” ในปี 1992 ก่อนที่ในปี 1993 บริษัท Idéal Loisirs จะเข้ามาซื้อกิจการ และตามมาด้วยการถูกรวบอีกครั้งช่วงปี 1996 โดยบริษัท Triumph-Adler

หลังจากที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่พักใหญ่ ในปี 2000 เส้นทางของ Majorette ก็เปิดโล่งขึ้นอีกครั้ง ด้วยโปรดักส์ไลน์อัพมากมายทั้งรางรถไฟจำลอง, รถบังคับวิทยุ และอีกมากมาย จนกระทั่ง Smoby Group เข้ามาซื้อกิจการทั้ง Majorette และ Solido ในปี 2003 โดยใช้ชื่อว่า “Smoby Majorette” แต่ก็ต้องกลับมาล้มละลายอีกครั้งในราวปี 2007

Diecast Car Majorette

ในที่สุดฟ้าหลังฝนย่อมสดใส เมื่อมีนักลงทุนชาวฝรั่งเศสเข้ามาซื้อกิจการในปี 2009 ที่ต่อมาในปี 2010 แบรนด์ Majorette ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ Simba Dickie Group หรือที่รู้จักกันว่า Simba Toys บริษัทสัญชาติเยอรมัน และเป็นกลุ่มบริษัทเป็นผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่เป็นอันดับ 4 ในเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1982 ภายใต้สโลแกนว่า “We love to make toys” ซึ่งมีบริษัทในเครือกว่า 30  แห่งทั่วโลก

รวมถึงในเมืองไทย ซึ่งมีโรงงานตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมนวนคร ที่เตรียมพัฒนา และเดินหน้าทำตลาดแบบเต็มสูบ แต่สตาร์ทเครื่องไว้ยังไม่ทันร้อน โรงงานในเมืองไทยก็โดนทำร้ายด้วยหายนะทางธรรมชาติในปี 2012 ก่อนที่วิกฤติ จะกลายโอกาสให้นำครื่องจักรรุ่นใหม่ และทันสมัยที่สุดมาใช้ในการผลิต จนในที่สุดปี 2015 คือ ฤกษ์งามยามดีที่แบรนด์ Majorette ได้ปรับภาพลักษณ์ และยกระดับโปรดักส์ขึ้นใหม่ ให้สาธารณชนทั่วโลกได้เห็นในงาน International Toy Fair ปีเดียวกัน และก็กลายมาเป็น Majorette อย่างที่รู้จักกันในปัจจุบัน

Diecast Car Majorette

อ่านต่อ

[bsa_pro_ad_space id=15]
[bsa_pro_ad_space id=16]